วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2559

ธัมมจักรกัปปวัตตนสูตร

โลกนี้มีการพัฒนากการมานานนักจากเริ่มต้นที่มนุษย์ไม่มีที่พึ่ง ดูดินดูดาว นับถือสิ่งของใหญ่ ๆ เช่นพระอาทิตย์ พระจันทร์ ภูเขา แล้วแตกรากออกมาเป็นนับถือผี นับถือเทพเจ้า พร้อมกับคาถา อาคม มากมาย

จวบจนพระพุทธเจ้ามหาบุรุษทรงอุบัติและแสดงปฐมเทศนาแก่พระปัญจวัคคีย์ แสดงส่วนสุดสองอย่าง ทางสายกลางและอริยสัจสี่ หรือจะว่าพระบรมศาสดาทรงวางกระดูกสันหลัง หรือรากฐานของพระพุทธศาสนาไว้ในพระสูตรนี้ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม ก็สั่งสอนให้ศิษยานุศิษย์วางรากฐานชีวืตด้วยบทสวดธัมมจักรกัปปวัตตนสูตรเช่นกัน ความจริงแล้วผู้เขียนควรที่จะโพสต์บทความนี้เป็นบทความแรกของบล็อกแห่งนี้เพราะพระสูตรนี้จะหาอะไรเทียบได้ไม่มีเลย ผู้สวดอยู่เป็นประจำมีแต่จะเจริญรุ่งเรืองทั้งโลกและทางธรรม ของบางอย่างมีค่าพันตำลึงทอง บางอย่างประมาณค่าไม่ได้ พระสูตรบทนี้ก็จัดว่าไม่สามารถประมาณค่าได้ สวดสิบจบก็ดีขึ้นสิบจบ สวดร้อยจบก็ดีขึ้นร้อยจบ สวดพันจบหลวงพ่อท่านว่าต้องรวย ศิษย์บางคนสวดจนดวงตาเห็นธรรม ของดีและฟรีอย่างนี้กรุณาเร่งรัดสวดกันเพื่อวางรากฐานชีวิต

ส่วนคาถาพาหุง มหากา นั้นพระเดชพระคุณหลวงพ่อว่าดีทางสะเดาะเคราะห์ สวดแล้วเจริญทั้งตัวเรา ครอบครัวและชาติบ้านเมืองโบราณท่านว่าคนเรามีเคราะห์ปี เคราะห์เดือน เคราะห์วัน ชีวิตคนเรามีขึ้นมีลง  เรามาสวด ธัมมจักร สวดพาหุง มหากา ขจัดอุปสรรคในชีวิตให้เบาบางเพราะกรรมเก่าตามท่านไม่ค่อยทัน สวดเสริมให้ชีวิตตน ครอบครัวและประเทศชาติรุ่งเรืองจะดีไหม

เนื่องจากบล็อกนี้เขียนถึงฟ้า ดิน คน สวดสองบทนี้แล้ว ฟ้าเปิด ดินรับรู้ คนมีสติ ชีวิตเราไม่ดีขึ้นให้รู้ไป ใครศรัทธานำไปปฏิบัติแล้วเห็นผลเจริญรุ่งเรือง ผู้เขียนก็ขออนุโมทนาดีใจกับท่าน ณ โอกาสนี้ 

วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2559

มหาเวทย์ดูดดาว

ตอนที่ดูหนังเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักร วิชาที่ดูน่ากลัวแต่น่าเรียนคือมหาเวทย์ดูดดาวของประมุขพรรคสุริยันจันทรา เยิ่นหว่อสิง แต่ชีวิตจริงจะหาฝึกวิชานี้จากไหน ความจริงแผ่นดินกว้างใหญ่ จักรวาลมหาจักรวาล ยังกว้างกว่า กว้างแบบแบบไม่มีที่สิ้นสุด โชคดีที่เหล่าอาจารย์ชี้ทางเราจึงพอมีโอกาสใช้วิชาคล้าย ๆ กัน

วิชาที่หนึ่งเป็นการใช้ของศักสิทธิ์เช่นลูกแก้วต่าง ๆ มาช่วยในการดูดพลังที่ดี ๆ รวมไปถึงทรัพย์สมบัติมาให้ สิ่งศักสิทธิ์เหล่านี้จะมีคุณสมบัติสามอย่างคือดูดทรัพย์ รักษาโรค และป้องกันภัย โดยพลังงานหรือวิญญาณหรือเทพยดาที่สถิตย์อยู่ในสิ่งศักสิทธิ์นั้น ๆ จะเป็นผู้ดำเนินการตามขอบข่ายอำนาจที่ตนมี ดังนั้นเราจึงต้องทำบุญอย่างสม่ำเสมอเพื่ออุทิศให้เทพยดาผู้รักษาสิ่งศักสิทธิ์เพื่อที่ท่านจะได้มีอำนาจขยายขอบเขตพลังงานของท่านให้มากยิ่งขึ้น หรือพูดง่าย ๆ ว่าขยายขอบเขตอำนาจของการดูดทรัพย์ รักษาโรค และป้องกันภัยนั่นเอง เจ้าของสิ่งศักสิทธิ์ที่รู้เคล็ดเรื่องการทำบุญ ส่งบุญให้เทพยดานี้ก็จะได้เปรียบกว่าคนที่ไม่รู้เช่น ชาวจีน ชาวญี่ปุ่น ที่ครอบครองหิน หยก ฯลฯ ที่รู้แต่ว่าของแบบมีแล้วดี แต่การที่จะมีวาสนาได้ครอบครองสิ่งศักสิทธิ์ ของวิเศษดังกล่าวข้างต้นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายคือต้องมีวาสนาผูกพันกันมา ส่วนมากร้อยละ 99.99 ที่สรรหามาติดตัวหรือมาบูชานั้นมักเก๊ พลังไม่พอ หรือบางทีไปเจอเทพเกเร วิญญาณชั่วร้าย วิชาฝ่ายต่ำ ก็จะยิ่งทำให้เราแย่ลงไปอีก โบราณจารย์จึงสั่งไม่ให้สรรหาโดยพูดตัดบทว่าเหล็กไหลไพลดำพูดพร่ำเป็นบ้า แต่หากท่านยังอยากได้สิ่งศักสิทธิ์เหล่านี้มาครอบครองก็จงหมั่นทำบุญ ภาวนา รักษาศีลและอธิษฐานขอ เมื่อบุญถึงแล้วฟ้าจะเปิดให้พบครูบาอาจารย์ที่สามารถมอบของที่เหมาะแก่เรา คอยค้ำชูเราได้ในที่สุด

วิชาที่สองเป็นการรับพลังจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เชื่อมโยงกับสิ่งศักสิทธิ์โดยตรง วิชานี้ต้องได้พบกับครูบาอาจารย์ที่เกี่ยวข้องกันมาประจุพลังงานหรือลูกแก้วทิพย์ให้ จากนั้นก็จะสามารถรับพลังจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เมื่อยามไปกราบพระ เช่นหลวงพ่อพระพุทธโสธร พระแก้วมรกต หรือสวดมนต์อยู่กับบ้านพลังสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะไหลเข้ามาได้เช่นกัน โดยเราจะรับทราบว่ามีพลังไหลเข้าสู่ตัวเราได้เลยไม่ใช่จินตนาการเอา คือจะมีความรู้สึกเหมือนไฟฟ้าอ่อน ๆ เคลื่อนเข้าสู่ตัวเรา พระสงฆ์รูปหนึ่งที่ทุกครั้งผู้เขียนไปกราบจะรู้สึกถึงพลังได้ที่ท่านแผ่ออกมาได้อย่างชัดเจนคือหลวงพ่อเจิม พุทธวังโส มหาอริยะเมตตาแห่งวัดหนองน้ำขุ่นผู้ล่วงลับ

วิชาที่สองนี้ ผู้เขียนอยู่มาจนถึงวัยกลางคนรู้จักคนที่ทำได้อยู่เพียงผู้เดียว ปัจจุบันท่านอาจารย์ก็ยังมีชีวิตอยู่เพียงแต่ผู้เขียนไม่กล้าเปิดเผยตัวตนท่าน เพราะท่านไม่ได้อนุญาตไว้ คุณผู้อ่านจะมีโอกาสเจอท่านได้ก็ต่อเมื่อฟ้าเปิดและวาสนานำพาไปพบกันเท่านั้นเอง

สวัสดี




วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2559

วันที่ดี

คนเรามีอายุเฉลี่ย 75 ปี 15 ปีเป็นวัยเด็ก 10 ปีเป็นชายชราเหลือเวลาที่เป็นหนุ่มสาวถึงกลางคนที่ใช้ชีวิตได้เต็มที่ 50 ปี ถ้าหนึ่งวันเสียเวลานอนและทำอย่างอื่นเช่นแปรงฟันไปครึ่งวัน จะใช้ไป 25 ปีเหลือเวลา 25 ปี บางวันฟ้ามัวหม่น บางวันแดดจ้า ฝนพรำจนไม่อยากทำอะไร มีวันที่โกลาหล วันที่ป่วยไข้ มีวันที่งมงายกับรัก เราเหลือเวลาที่ดีจริง ๆ กี่ปี อย่าเอาเวลาไปทิ้งเพิ่มเพราะโลภโกรธหลงอีกเลย ใช้วันแต่ละวันให้สมกับเป็นวันดี ๆ ถนอมชีวิตไว้เถิด เพราะชีวิตเป็นของมีค่า

ตั้งต้นเอาไว้อย่างนี้เพราะชีวิตมนุษย์สั้นมาก เผลอแป็บเดียวปี อีกแป๊บเดียวสิบปี  ความรู้วิทยาการในโลกนี้มีมากมาย ธรรมะของพระพุทธเจ้าก็มีถึง  84000 พระธรรมขันธ์ ในชีวิตของมนุษย์ที่วุ่นวายอยู่นี้จึงต้องใชธรรมะแบบย่อความไม่ประมาท และสติระลึกปัจจุบันเป็นหลัก

ถ้าเราจะย่อ ๆๆ แล้วก็ย่อเพื่อจะได้ไม่ต้องจำมาก เราจะทำได้โดยเอาธรรมะ 84000 พระธรรมขันธ์เป็นตัวตั้ง แล้วเราย่อมาจะได้มรรค 8 ย่อไปอีกจะได้บุญกริยาวัตถุ 3 คือ ทาน ศืล ภาวนา ย่อต่อไปก็จะเหลือแค่ ความไม่ประมาท  ฝรั่งคนหนึ่งคือนาย Spencer Johnson เขียนหนังสือชื่อ The present ขายดิบขายดีตอนปี 2003 หน้าปกเป็นรูปกล่องของขวัญ แต่เนื้อในพูดถึงปัจจุบันขณะ โดยคำว่า Present นั้นแปลว่าของขวัญก็ได้ ปัจจุบันก้ได้

ดังนั้นในฐานะมนุษย์ที่เราอยากมีวันที่ดีเป็นหลัก เราก็ควรจะใช้ชีวิตบนความไม่ประมาท เอาไม่ต้องมากทำทีละนิดทีละหน่อย ขับรถช้าลงหน่อย หลงน้อย ๆ หน่อย โกงน้อยลงหน่อย อยู่กับคนที่เรารัก ดูแลเขาเพิ่มขึ้นหน่อย เพิ่มวันที่ดีได้อีกหน่อย ชีวิตเราก็ดีขึ้นแล้ว




วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2559

3 โลก และแดนกลาง

หากตัดพระนิพพานออกแล้ว ภพภูมิที่เราเข้าใจก็จะเหลือเพียง 3 ภูมิหรือ 3 โลกที่สัตว์ทั้งหลายท่องเที่ยวไปมาไม่รู้สิ้นสุด แดนมนุษย์เป็นแดนกลางและเป็นแดนเดียวที่สัตว์มีกายหยาบและเป็นสถานที่สร้างบุญ บารมีและบาปกรรมได้มหาศาล พลังงานมากมายทั้งด้านดีและร้ายก็อยู่ในแดนมนุษย์ พลังงานถูกส่งเสริม ปะทะ หักล้าง กันอยู่ตลอดเวลา มนุษย์ที่เกิดมาก็มีหลายรูปแบบ ซึ่งขอแยกย่อย ๆ ตามด้านล่างนี้

1. หมดกรรมจากนรก ยมโลกและทุคติภูมิอื่น ๆ เช่น เปรต อสุรกาย
2. หมดกรรมจากภาวะสัตว์
3. ตายจากมนุษย์กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ พวกที่ระลึกชาติได้ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มนี้เพราะเวลาหลังจากตายมาเกิดสั้นมาก
4. เทพจุติ เพราะหมดบุญจากสวรรค์
5. พรหมลงมาเกิด
6. มหาเทพหรือพระโพธิสัตว์เนรมิตร่างมาเกิด อวตาร
7.พระโพธิสัตว์เกิดมาสร้างบารมี

กลุ่มที่ 6  และ 7 นี้จะมีบุญบารมีมากเป็นพิเศษเพราะตั้งใจเกิดมาสร้างบารมีโดยเฉพาะ หากมีบุญวาสนาต่อกัน ก็จะได้พบ ได้ฟังคำสอน ได้ติดตามรับใช้ ซึ่งก็จะส่งเสริมให้เรามีชีวิตดียิ่ง ๆ ขึ้นไปทั้งทางโลกและทางธรรม แต่ที่ไม่เหมือนหนังจีนคือศิษย์อยากเรียนวิชาต้องไปหาอาจารย์ แต่จริง ๆ แล้วอาจารย์จะตามหาศิษย์ เรียกศิษย์ แผ้วถางทางให้มีโอกาสเจอกัน ที่เป็นเช่นนี้เพราะอาจารย์มีความสามารถรู้ว่าศิษย์อยู่ที่ใดทำอะไรอยู่ แต่ศิษย์โดยทั่วไปไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ 99% ของคนทั่วไปยังไม่รู้ว่าอาจารย์ของตนเป็นใคร ตอนต่อ ๆ ไปจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับท่านผู้มีบารมีเหล่านี้ในฐานะส่วนหนึ่งของฟ้า (เทียน )