วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

โลกแล้งร้ายแม้ล้มตายไม่หายแล้ง

โลกแล้งร้ายแม้ล้มตายไม่หายแล้ง
ดานดินแห้งระแหงแข็งแห้งไม่หาย
ไม่มีน้ำซ้ำโลกร้อนล้วนผ่อนตาย
ฉากสุดท้ายกองพะเนินจนเกินร้อน

พังพินาศสิ้นขาดกันวันพินาศ
ไม่ขยาดขาดน้ำนั้นมันสุดหลอน
ไม่มีใดได้ดำรงใดดงดอน
แม้นครก็ผ่อนตายค่ำคล้ายกัน
 
ที่ยังอยู่ไม่รู้ร้อนนอนไม่หนาว
รู้แต่สาวเข้าปากตัวมัวขมัน
คืนค่ำรุ่งธารพลุ่งพรุอยู่ทุกวัน
ยังไม่ถึงก็ดึงดันฝันอารมณ์

โลกแล้งร้ายแม้ล้มตายไม่หายแล้ง
ดินแข็งแห้งแล้งโลกอื่นที่ขื่นขม
ในห้องแอร์แช่น้ำอุ่นลุ้นหุ้นลม
จิบไวน์ชมจุดล้มหายบางรายการ



---นลินมณี---
๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๒

วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

เหมือนหลงรูปจูบปากกาที่คาเขียน

เหมือนหลงรูปจูบปากกาที่คาเขียน
ยังวนเวียนฝังใจในอักษร
พอได้อ่านคำเขียนก็เวียนย้อน
เห็นฉากตอนแต่ละฉากจากในใจ
สะอึกลึกร้อนผ่าวและร้าวราน
ทุกคราวอ่านก็จมดิ่งสะอื้นไห้
แต่ไม่อาจมีน้ำตาไหลออกไป
เพราะหัวใจมันแห้งผากด้วยทรนง
มันเจ็บช้ำซ้ำซ้อนในชีวิต
ในบาปผิดติดข้องจนผุยผง
ชะตากรรมจากชนชั้นมันกดลง
ขยี้ตรงกลางใจไม่ให้ร้อง
เก็บสะอื้นฝืนไว้ไม่มีสิทธิ์
เพราะชีวิตถูกลิขิตไว้ในกล่อง
จะดิ้นพล่านอย่างไรได้สิทธิ์ลอง
แต่จะมีใครมองนั้นไม่มี

-- นลินมณี- 
๒๕ ตุลาคม๒๕๖๒

------------------------------------------------------------------------------------
แข่งกันชื่นตื่นเช้าใช้ชีวิต
ยิ้มเป็นนิจคิดดีมีความฝัน
แข่งกันยิ้มทักทายมอบให้กัน
แย่งกันแต่งเติมวันให้มันมี
ชัยชนะยามเช้าเอาการให้
พลังใจใส่คนยากในทุกที่
โปรยยิ้มหวานหว่านถ้อยคำที่ดีดี
ระบายฟ้าให้โลกนี้สีชมพู

 -  นลินมณี-
๒๘ตุลาคม ๒๕๖๒

มีตัวตนที่ฉลาดปราชญ์เปรื่อง

มีตัวตนที่ฉลาดปราชญ์เปรื่อง
มีตัวเขื่องที่เซื่องและโง่เขลา
ทั้งสองคือตัวตนของเรา
ที่เขาแลเห็นเป็นมา

บางคราวบางที่เงียบงำ
บางคราวฉลาดล้ำแก่กล้า
บางวงนิ่งเฉยเฉื่อยชา
บางคราลุกขึ้นบ้าท้าตะวัน

เมื่อถอดเหลือแต่เนื้อตัวเปล่า
ตัวเขาตัวเราก็เท่านั้น
เสมอกายง่ายง่ายคล้ายกัน
แต่เคว้งคว้างพัลวันข้างใน

ในโลกง่ายเงียบเหยียบเย็น
ไม่เห็นไม่เป็นไม่สงสัย
ไม่ก้าวไม่ถอยไม่เป็นไป
มีแค่ลมหายใจชาชิน


 -  นลินมณี-
๓๐ตุลาคม ๒๕๖๒

ไฟปริศนา

ไฟปริศนา

ทะเลหนาวอะคร้าวไฟไหม้ปราสาท
ดั่งภาพวาดที่ขาดวิ่นสิ้นสมัย
ในความมืดเปลวปะทุครุไฟ
ฉายฟ้าให้โลกหวั่นและครั่นคร้าม
วูบลับหายลงสายดินสิ้นสติ
ฤาสิ่งใดเพี้ยงผิว์ที่ควรขาม
เตือนสิ่งใดให้วิตกตระหนกยาม
ใดคือความที่บ่งบอกออกจากไฟ
ใดจึงไหม้ปราสาทไม้หลายร้อยหนาว
สองฝั่งโลกกระทบคราวร้าวสมัย
ทั้งสองฝั่งมหาสมุทรสุดโลกไกล
เหมือนขาดกันบรรลัยในแต่นี้
ให้โลกเก่าเหลือแต่เท่าที่รูปถ่าย
ปราสาทไม้มลายสิ้นทั้งกลิ่นสี
เมื่อตั้งหน้าจะละลืมคุณความดี
ที่สั่งสมมานานปีมนุษย์คน
เมื่อฝักใฝ่จ่อมใจจ่อต่อโลกใหม่
เมื่อแย่งกันจนบรรลัยใกล้ปี้ป่น
เมื่ออำนาจเงินตรามันค้าคน
เพียงสัญญาณผ่านลมฝนคนไม่ฟัง

-- นลินมณี--
๓๑ ตุลาคม๒๕๖๒